1.ดูแลผิวหน้าด้วยผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีไวท์เทนนิ่ง
อยากหน้าใส ไม่ต้องไปหาสูตรหน้าใสจากไหนไกลเลยค่ะ อันดับต้นๆ ก็ต้องดูแลผิวหน้าด้วยผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าให้เลือกมากมาย แนะนำให้เลือกตัวเอสเซ็นส์ ที่มีส่วนผสมหลักที่เป็นไวท์เทนนิ่ง เพราะสิ่งนี้คือเคล็ดลับสำคัญที่จะทำให้ ผิวหน้าขาวใสได้ผลจริง ควรเลือกเป็นไวท์เทนนิ่งเพื่อผิวที่กระจ่างใส อย่าง โอเลย์ ไวท์ เรเดียนซ์ ไลท์ เพอร์เฟคติ้ง เอสเซ็นส์ ตัวนี้ถือว่าครบ เพราะมาพร้อม Pearl-Optics Complex ที่จะช่วยเร่งผิวให้กระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ เห็นได้ชัดภายใน 28 วัน อีกทั้งยังมี Niacinamide ที่มีคุณสมบัติช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นและบำรุงอย่างล้ำลึก พร้อมกระตุ้นกระบวนการผลัดเซลล์ผิวไปในตัว ทำให้ผิวหน้าใสและไร้จุดด่างดำอย่างเป็นธรรมชาติ
2.ผิวใสด้วยการมาส์ก
ารมาส์กหน้า เราสามารถใช้ผลิตภัณฑ์แผ่นมาส์กทั่วไปหรือใช้วัตถุดิบธรรมชาติรอบตัวก็ได้ โดยสาวๆ สามารถเลือกสูตรหน้าใสที่ชอบจากอินเตอร์เน็ตได้เลย เช่น มาส์กด้วยมะเขือเทศ มะขามเปียก แตงกวา โยเกิร์ต มะนาว น้ำผึ้ง นมสด และขมิ้น เป็นต้น แต่ถ้าไม่อยากยุ่งยาก การใช้มาส์กสำเร็จก็ถือเป็นตัวเลือกที่สะดวก เพราะตอนนี้ก็มีหลายแบบ หลายราคาให้เลือกใช้ แต่ที่เราชอบและขอโหวตให้ว่าดีสุดคือ “โอเลย์ แมกเนมาส์ก ชีท มาส์ก” หรือที่ชอบเรียกกันว่า “มาส์กกู้ชีพ” เพราะออกแบบมาเพื่อตอบรับกับไลฟ์สไตล์ของคนยุคนี้ ที่เต็มไปด้วยสถานการณ์ที่คาดไม่ถึง หรือมีชีวิตที่เร่งรีบ แค่มาส์กแผ่นนี้แผ่นเดียวก็สามารถกู้ชีพผิว ให้หน้าใสเป๊ะปัง สวยเด้ง ดูมีออร่า ได้ในทุกสถานการณ์เลยหละ
3.ดูแลเรื่องความสะอาดผิวอันดับหนึ่ง
แค่ใส่ใจล้างหน้าให้สะอาดเป็นประจำเช้าเย็น โดยเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับผิวในการทำความสะอาด ใครแต่งหน้าก็ต้องเช็ดล้างเครื่องสำอางออกอย่างหมดจดก่อนเข้านอนเสมอ ทำตามนี้แล้ว.. รับประกันหน้าใสไร้สิวชัวร์จ้า
4. ดื่มน้ำสะอาดมากๆ
น้ำเปล่า ตัวช่วยบำรุงผิวใสจากภายใน เพราะเป็นเครื่องดื่มดีท็อกซ์สารพิษออกจากร่างกาย ยิ่งดื่มได้วันละ 2 ลิตรยิ่งดีมากทีเดียว เพราะนอกจากผิวจะใสง่ายๆ แล้ว ยังช่วยชะลอริ้วรอยก่อนวัยได้อีกด้วยนะ
5.ดื่มน้ำผลไม้ที่มีวิตามินซี
น้ำผลไม้ต้องเลือกผลไม้ที่มีวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระเป็นหลักค่ะ แนะนำน้ำมะเขือเทศ น้ำส้มคั้น น้ำฝรั่งหรือน้ำทับทิม แต่จะต้องเป็นน้ำผลไม้สดที่ไม่ใช่บรรจุกล่องขายประเภทที่มีน้ำตาลสูงล่ะ ไม่งั้นความหวานนี่แหละที่เป็นตัวการทำให้ผิวมีริ้วรอยเหี่ยวย่นเร็ว
6.สครับหน้า
ผิวหน้าต้องการการสครับเป็นประจำทุกสัปดาห์ๆ ละ 1-2 ครั้ง ไม่งั้นเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพแล้วชั้นนอกจะยิ่งปกคลุมผิวหนังทำให้ผิวหมองคล้ำไม่สดใส สาวๆ จึงควรสครับผิวหน้าเป็นประจำ จะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สครับผิวหน้าโดยเฉพาะหรือใช้สูตรสครับที่ทำเองแบบโฮมเมดก็ได้
7.เข้านอนแต่หัวค่ำ นอนให้เพียงพอ
นอกจากนี้แล้ว อย่าลืมหาเวลาหมั่นไปออกกำลังกายกันบ้างนะคะเพื่อให้เหงื่อออก ไม่ว่าจะออกแบบคาร์ดิโอที่บ้านก็ตาม และกินอาหารที่เน้นผักผลไม้ให้มากๆ รับรองว่าวิธีทำให้หน้าใสง่ายๆ แค่นี้ จะเนรมิตหน้าสาวๆ ที่หมองคล้ำให้ใสปิ๊งโดนใจสุดๆ เลยเชียว
การดูแลผิวหน้าอย่างถูกวิธี
การ ดูแลผิวพรรณมีความแตกต่างกันในแต่ละบุคคล เพราะผิวแบ่งได้เป็นหลายประเภท การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ หรือเครื่องสำอางบำรุงผิว จึงต้องเลือกซื้อให้เหมาะกับสภาพผิวของเรา ถ้าเราเลือกใช้เครื่องสำอางผิดประเภท ก็จะเกิดผลเสียตามมา แทนที่ผิวจะมีสุขภาพดี แข็งแรง กลับถูกทำลายไปเสียอีก
ผิวหน้าของคนเราแบ่งได้เป็น 4 ประเภท ได้แก่
1. ผิวแห้ง
2. ผิวมัน
3. ผิวผสม
4. ผิวธรรมดา
ผิวหน้าของคนเราแบ่งได้เป็น 4 ประเภท ได้แก่
1. ผิวแห้ง
2. ผิวมัน
3. ผิวผสม
4. ผิวธรรมดา
ขั้นตอนการทดสอบผิวหน้าว่ามีผิวประเภทใด
1. ทำความสะอาดผิวหน้าด้วยน้ำเปล่าโดยไม่ต้องใช้สบู่หรือโฟมล้างหน้าใดๆ หลังล้างหน้าทิ้งไว้ประมาณ 1 ช.ม. นำกระดาษซับหน้ามันมาวางบนใบหน้า
2. เช็คดูว่ากระดาษซับหน้าเป็นอย่างไร
a. ถ้าไม่ติดบนผิวหน้า แสดงว่า ผิวแห้ง
b. ถ้าผิดผิวหน้า มีน้ำมันบริเวณกระดาษทั่วใบหน้า แสดงว่า ผิวมัน
c. ถ้าติดผิวหน้า มีน้ำมันเฉพาะ T-Zone แสดงว่า ผิวผสม
d. ถ้าติดผิวหน้า มีน้ำมันเล็กน้อยทั่วหน้า แสดงว่า ผิวธรรมดา
ผิวแห้ง
ผู้มีผิวแห้ง บริเวณใบหน้าแห้งแตกเป็นขุย มีริ้วรอยบริเวณแก้มและหน้าผาก คนที่มีผิวแห้งมักเป็นผิวที่ขาดการดูแลหรือ เกิดจากวัยที่สูงขึ้น ลักษณะของผิวประเภทนี้ จะเกิดฝ้า กระได้ง่าย เพราะน้ำมันปกป้องผิวตามธรรมชาติลดลง ทำให้กระบวนการปกป้องผิวมีน้อย โอกาสจากปัจจัยเสี่ยงภายนอกเช่นแสงแดด มลภาวะ ซึ่งมากหายได้ง่าย แต่คนผิวแห้งก็มีข้อดีก็คือ ปัญหาสิวน้อย ใบหน้าเรียบเนียนเพราะรูขุมขนเล็ก เพราะฉนั้นลักษณะผิวประเภทนี้ ซึ่งต้องดูแลเอาใจใส่อย่างสูง เพื่อป้องกันปัญหาจากการเกิดริ้วรอย ใบหน้าไม่สดใส หมองคล้ำ ไม่เปล่งปลั่ง
1. ทำความสะอาดผิวหน้าด้วยน้ำเปล่าโดยไม่ต้องใช้สบู่หรือโฟมล้างหน้าใดๆ หลังล้างหน้าทิ้งไว้ประมาณ 1 ช.ม. นำกระดาษซับหน้ามันมาวางบนใบหน้า
2. เช็คดูว่ากระดาษซับหน้าเป็นอย่างไร
a. ถ้าไม่ติดบนผิวหน้า แสดงว่า ผิวแห้ง
b. ถ้าผิดผิวหน้า มีน้ำมันบริเวณกระดาษทั่วใบหน้า แสดงว่า ผิวมัน
c. ถ้าติดผิวหน้า มีน้ำมันเฉพาะ T-Zone แสดงว่า ผิวผสม
d. ถ้าติดผิวหน้า มีน้ำมันเล็กน้อยทั่วหน้า แสดงว่า ผิวธรรมดา
ผิวแห้ง
ผู้มีผิวแห้ง บริเวณใบหน้าแห้งแตกเป็นขุย มีริ้วรอยบริเวณแก้มและหน้าผาก คนที่มีผิวแห้งมักเป็นผิวที่ขาดการดูแลหรือ เกิดจากวัยที่สูงขึ้น ลักษณะของผิวประเภทนี้ จะเกิดฝ้า กระได้ง่าย เพราะน้ำมันปกป้องผิวตามธรรมชาติลดลง ทำให้กระบวนการปกป้องผิวมีน้อย โอกาสจากปัจจัยเสี่ยงภายนอกเช่นแสงแดด มลภาวะ ซึ่งมากหายได้ง่าย แต่คนผิวแห้งก็มีข้อดีก็คือ ปัญหาสิวน้อย ใบหน้าเรียบเนียนเพราะรูขุมขนเล็ก เพราะฉนั้นลักษณะผิวประเภทนี้ ซึ่งต้องดูแลเอาใจใส่อย่างสูง เพื่อป้องกันปัญหาจากการเกิดริ้วรอย ใบหน้าไม่สดใส หมองคล้ำ ไม่เปล่งปลั่ง
การดูแลผิวหน้า
การดูแลผิวหน้าสำหรับคนผิวแห้ง ควรเลือกใช้เครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าที่อ่อนดยนหรือมี แอลกอฮอล์ผสมอยู่ไม่เกิน 20% และสำหรับผู้หญิงที่แต่งหน้าโดยมีครีมรองพื้นผสมอยู่ แนะนำให้ใช้คลีนเซอร์ประเภทครีม หรือเบบี้ออยล์ทำความสะอาดเครื่องสำอาง เพราะการล้างหน้า
การดูแลผิวหน้าสำหรับคนผิวแห้ง ควรเลือกใช้เครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าที่อ่อนดยนหรือมี แอลกอฮอล์ผสมอยู่ไม่เกิน 20% และสำหรับผู้หญิงที่แต่งหน้าโดยมีครีมรองพื้นผสมอยู่ แนะนำให้ใช้คลีนเซอร์ประเภทครีม หรือเบบี้ออยล์ทำความสะอาดเครื่องสำอาง เพราะการล้างหน้า
สารแอนตี้ออกซิแดนท์ หรือ สารต่อต้านอนุมูลอิสระ อัศวินขี่ม้าขาวของผิว
ถือเป็นสารที่ทำหน้าที่ปกป้องการเกิดอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอการทำลายเซลล์ผิว เพิ่มความเปล่งปลั่ง สดใส มีชีวิตชีวาของผิว
สารต่อต้านอนุมูลอิสระแบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มเกลือแร่ เช่น ซีเลเนียน (Selenium) กลุ่มเอนไซม์ เช่น ซุปเปอร์ออกไซต์ ดิสมิวเตส และกล่มวิตามิน เช่น เบต้าคาโรทีน วิตามินอี วิตามินซี
ถือเป็นสารที่ทำหน้าที่ปกป้องการเกิดอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอการทำลายเซลล์ผิว เพิ่มความเปล่งปลั่ง สดใส มีชีวิตชีวาของผิว
สารต่อต้านอนุมูลอิสระแบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มเกลือแร่ เช่น ซีเลเนียน (Selenium) กลุ่มเอนไซม์ เช่น ซุปเปอร์ออกไซต์ ดิสมิวเตส และกล่มวิตามิน เช่น เบต้าคาโรทีน วิตามินอี วิตามินซี
ดาว เด่นของสารต่อต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามิน อี มักใส่ในเครื่องสำอางบำรุงผิว เพื่อป้องกันผิวหน้าไม่ให้แก่ก่อนวัย และบำรุงรักษาริ้วรอยที่เกิดบนใบหน้า ช่วยทำให้อาการอับเสบของผิวทุเลาลง พร้อมทั้งสมานแผลให้แน่นขึ้น นอกจากนั้นวิตามินอียังเป็นตัวดักจับอนุมูลอิสระตรงเยื่อหุ้มเซลล์ เมื่อเซลล์ผิวหนังปลอดภัย ทำให้ผิวหน้าไม่เสื่อมคุณภาพในที่สุด กล่าวโดยรวมวิตามินอีจึงมีคุณสมบัติป้องกันผิวหนังให้ดูอ่อนวัยอยู่เสมอและมีอายุยืนยาวตามที่ควรจะเป็น